อ่านให้เคลียร์กับค่า SPF, PA, UVA, UVB ก่อนเลือกซื้อครีมกันแดด
สาวๆ หลายคนมักเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ กันแดด
ครีมบำรุง บีบีครีม ต่างๆ ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดมาใช้กันมากขึ้น
และเราจะสังเกตุเห็นอักษรย่อของ UV
SPF และ PA อยู่ในนั้น ซึ้งไอ้ตัวอักษรย่อนี้มันคืออะไร?
มีความหมายว่าอย่างไร? วันนี้เรามาทำความเข้าใจกับค่าต่าง
ๆ ที่อยู่บนขวดผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกันค่ะ
รังสี UV…
UVA เป็นรังสีคลื่นยาว คลื่นรังสีนี้สามารถทะลุทะลวงผ่านเข้าชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ได้
สามารถเข้าไปทำลายโครงสร้าง
สร้างความเสื่อมโทรมให้กับคอลลาเจนและอิลาสตินจนหมดความยืดหยุ่น ทำให้ผิวของเราเหยี่ยวย่น
สาเหตุของหน้าแก่ ซึ่งครีมกันแดดก็เป็นเคล็ดลับหน้าอ่อนกว่าวัย
ที่ไม่ควรมองข้าม
UVB เป็นรังสีคลื่นสั้น เมื่อผ่านเข้ามาสัมผัสร่างกาย
จะผ่านชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ด้านบนเข้าไปได้เท่านั้น
ไม่สามารถเข้าลึกกว่านั้นได้ แต่รังสี UVB นั้นมีอยู่มาก
และเป็นสาเหตุของการเกิดผิวไหม้อับเสบ
ค่า SPF...
ค่า
SPF หรือ Sun Protection
Factor หรือค่าป้องกันแสงแดด เป็นตัวระบุระดับการปกป้องผิวจากรังสี
UVB หรือ
ก็คือจำนวนเท่าของเวลาที่ผิวทนต่อรังสีอัลตราไวโอเลตนี้ได้หลังจากทาครีมกันแดดแล้ว
ถ้าครีมกันแดดหน้า หรือผลิตภัณฑ์นั้นระบุไว้ว่า
SPF50
ก็จะหมายถึง เราสามารถอยู่กลางแดดได้ประมาณ 50×15 = 750 นาที หรือ 12.5 ชั่วโมง
โดยที่ผิวไม่ไหม้แดง
ค่า PA…
PA ย่อมาจากคำว่า Protection Grade
of UVA หรือ ค่าที่วัดการป้องกันรังสี UVA แบ่งได้ 3
ดับคือ
1. PA+
หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้
1-3 เท่า
2. PA++
หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง
ป้องกันได้ 4-5 เท่า
3. PA+++
หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด
ป้องกันได้ 6-8 เท่า
สาวๆ
คนไหนที่จะเลือกซื้อครีมกันแดด
ก็ควรตรวจสอบและอ่านให้ละเอียดก่อนซื้อ ว่ามีต่า SPF เท่าไร มีค่า PA หรือไม่ เพราะครีมกันแดดที่ดีควรมีทั้งค่า SPF
และ PA นะคะ ถ้ามีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากนัก
ที่สำคัญเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของเราด้วยนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น